ติดต่อโอคามูระ
ปรัชญา: กาลเวลาอาจเปลี่ยน แต่บางอย่างไม่เปลี่ยน ความคิดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง
วางคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ไปตามแนวความคิดที่เป็นรูปธรรมในรูปแบบของการจัดการแบบ “สหกรณ์ - ธุรกิจ - การประกอบการ” ผู้ก่อตั้งโอคามูระได้ต่อยอดแนวคิดนี้จนกลายมาเป็นการกำหนดนโยบายบางส่วนขึ้นมา ซึ่งได้แก่ “ส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไปโดยไม่อายในฐานะวิศวกร” “พยายามสร้างความมั่นคงให้กับทุกๆ ชีวิตด้วยงาน” และ “กระจายกำไรอย่างเป็นธรรม ผสมผสานทุนเข้ากับทักษะ และพลังในการทำงานของผู้คน” ค่านิยมที่แสดงให้เห็นในนโยบายเหล่านี้ได้หยั่งรากลึก โดยสืบทอดมาจากหลักความเชื่อของบริษัทของโอคามูระที่ว่า "ความคิดสร้างสรรค์" "ความร่วมมือ" "ความประหยัด" "การออม" และ "การบริการ" แนวคิดที่กล่าวมานี้ควรจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของพนักงานทุกคน และจากนี้ต่อๆ ไปแนวคิดเหล่านี้ก็จะกลายเป็นแนวคิดที่มั่นคงที่จะอยู่ใน DNA ของเรา
การท้าทาย: พร้อมที่จะลองทุกสิ่ง นั่นคือวิถีชีวิตของวิศวกร
เคนจิโร่ โยชิวาระ ผู้ก่อตั้ง ผู้ซึ่งเป็นวิศวกรด้วยใจรัก ได้รับมอบหมายให้ออกแบบเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อาจจะเป็นด้วยเหตุผลนี้ “จิตวิญญาณของการสร้างผลิตภัณฑ์ (โมโนซึคุริ)” จึงฝังแน่นอยู่ในทุกๆ ที่ในโอคามูระ สิ่งนี้มิได้สะท้อนให้เห็นเพียงแค่ระดับความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคผลิตภัณฑ์ที่สูงของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความกว้างของโดเมนธุรกิจของเรา และด้วยความพยายามของเราตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของการสร้างผลิตภัณฑ์ (โมโนซึคุริ) ของเราด้วยความคิดริเริ่ม เช่น การนำระบบไร้เอกสาร (Paperless) และการปฏิบัติงานออนไลน์เข้ามาใช้ในองค์กร ประวัติของโอคามูระนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของความท้าทาย ในเรื่องของ "ความคิดริเริ่ม" แต่ก็มีหลายๆ กรณีที่เป็นการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งที่อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์นี้ และไม่ปรากฏอยู่ในเอกสารใดๆ จิตวิญญาณประเภทนี้ทำหน้าที่เป็นรากฐานของคำขวัญของแบรนด์โอคามูระ: คุณภาพจะตัดสินตัวมันเอง
ความร่วมมือ: ที่เมืองโอคามูระในโยโกฮาม่า มีการก่อตั้งโรงงานสหกรณ์ขึ้นโดยคนจำนวน 12 คน
บริษัทชื่อ โอคามูระ เซอิซาคุโช ได้ก่อตั้งขึ้นในเมืองโอคามูระ ในเขตอิโซโงะ เมืองโยโกฮาม่า หลังจากสงครามเพิ่งจะยุติลงในปี ค.ศ. 1945 สมาชิกหลักของกลุ่มนี้คือ เคนจิโร่ โยชิวาระ ซึ่งเคยทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท เจแปน แอร์คราฟท์ แมนูแฟคเทอร์ริ่ง จำกัด โดยก่อนที่จะก่อตั้งบริษัท โยชิวาระกับเพื่อนร่วมงานของเขา และผู้ใต้บังคับบัญชาได้มารวมตัวกันที่โรงงานของ เจแปน แอร์คราฟท์ แมนูแฟคเทอร์ริ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอุปกรณ์ เครื่องจักร และวัตถุดิบที่พวกเขาใช้เพื่อเริ่มต้นงานในการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากดูราลูมิน และสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นอิสระ นี่เป็นช่วงเวลาที่ทุกๆ อย่างขาดตลาด ขาดแคลน แต่สิ่งที่มีอยู่ที่นี่อยู่แล้วก็คือวัฒนธรรมที่ผู้คนที่มีทักษะในหลากหลายด้านสามารถทำงานร่วมกันเพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ โยชิวาระ และคนอื่นๆ รวมทั้งหมด 12 คน ได้ย้ายออกจากภายใต้องค์กรของ เจแปน แอร์คราฟท์ แมนูแฟคเทอร์ริ่ง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของอุดมการณ์ “การประกอบการธุรกิจในรูปแบบสหกรณ์”
ความเร็ว: เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคที่ขาดแคลน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจึงผลิตจากดูราลูมิน
หม้อไฟฟ้า กระทะ หม้อหุงข้าว กล่องอาหารกลางวัน ทัพพี กล่องดินสอ ที่ใส่หมึกสำหรับตราประทับ ไม้เขี่ยขี้เถ้า ไม้สวมรองเท้า กล่องบุหรี่ เป็นต้น สำหรับชาวญี่ปุ่นที่เริ่มฟื้นตัวจากความเสียหายจากสงคราม ของใช้ในชีวิตประจำวันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทในช่วงแรกๆ วัสดุหลักที่ใช้คือดูราลูมิน ด้วยเพราะมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านงานปั๊ม งานโลหะแผ่น และการชุบ โอคามูระจึงผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เหมือนเป็นการทำงานในบ้านตัวเองแบบสบายๆ ในขณะนั้น ผู้ผลิตเหล็กจำนวนมากก็เริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน แต่สำหรับ โอคามูระประสบการณ์นี้เป็นรากฐานสำหรับการเข้าสู่วงการเฟอร์นิเจอร์เหล็กในภายหลัง
ความสะดวก: เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ใช้โดยกองกำลังที่เข้ายึดครอง เป็นเหมือนแบบจำลองสำหรับเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่เป็นเหล็ก
ในปี พ.ศ. 2490 โอคามูระได้กลายเป็นผู้ขายที่ได้รับอนุมัติจากกองกำลังที่เข้ายึดครองของสหรัฐฯ และได้รับคำสั่งซื้อ หีบ ที่กำบัง ป้ายทะเบียนรถยนต์ ฝาครอบหม้อน้ำ และอื่นๆ จากนั้นจึงได้รับคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์สโมสร และเริ่มผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็ก ได้รับคำชมที่ดีสำหรับความพยายามในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนเอง ในเวลาต่อมาโอคามูระได้รับคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับสโมสรเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ และสำหรับที่อยู่อาศัยในฐานทัพ และในปี พ.ศ. 2500 จึงได้เปิดตัวโต๊ะทำงานเหล็กชุดใหม่ที่เรียกว่า "Office Master" เฟอร์นิเจอร์เหล็กใช้งานง่าย แข็งแรง ทนความชื้น และทนไฟ ผลิตภัณฑ์ไม้เป็นที่นิยมของตลาดเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้น เหล็กจึงเป็นตัวเลือกใหม่ที่เสนอให้ลูกค้า ต่อมาโอคามูระได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชั้นวางของสำหรับบ้าน และร้านค้า
ท้องฟ้า: ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ผลิตรายย่อย
อำนาจอธิปไตยได้รับการฟื้นฟูในญี่ปุ่นเมื่อสนธิสัญญาสันติภาพซานฟรานซิสโก มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2495 และในขณะนั้นก็มีความสนใจเพิ่มขึ้นในการผลิตเครื่องบินผ่านความร่วมมือกันของอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัย สมาชิกผู้ก่อตั้งโอคามูระส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เคยทำงานในด้านการผลิตเครื่องบินมาก่อน ดังนั้นสาขาที่พวกเขาจะสามารถนำความสามารถของตนมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ก็คือ การออกแบบ และการผลิตเครื่องบินนั่นเอง ด้วยเหตุนี้โอคามูระจึงได้ส่งเสริมโครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนิฮง (Nihon University) ศาสตราจารย์ฮิเดะมาสะ คิมูระ และบุคคลท่านอื่นๆ และในปีต่อมา (พ.ศ. 2496) โครงการก็เสร็จสิ้นลงโดยมี N-52 เป็นเครื่องบินใบพัดลำแรกที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า และอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ในช่วงหลังสงคราม การที่โอคามูระสามารถผลิตเครื่องบินได้สำเร็จนำหน้าบริษัทผู้ผลิตขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง
พลัง: ด้วยความปรารถนาที่จะสร้างสิ่งต่างๆ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าอัตโนมัติเครื่องแรกของญี่ปุ่นจึงถือกำเนิดขึ้น
โอคามูระประสบความสำเร็จในการพัฒนาทอร์คคอนเวอร์เตอร์ในประเทศเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2493 และด้วยความกระตือรือร้นที่มีอยู่ในการสร้าง "ผลิตภัณฑ์ที่เคลื่อนไหว" จึงได้มีการก่อตั้งทีมพัฒนารถยนต์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2498 ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าอัตโนมัติ “มิคาสะ (Mikasa)” ก็เสร็จสมบูรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ได้มีการเปิดตัวรถตู้ขนาดเล็กสี่ที่นั่ง และรถตู้บรรทุกแบบสองที่นั่งด้านหน้า ในปีถัดมาได้มีการเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นต่างๆ ต่อมาโอคามูระถูกบังคับให้ถอนตัวออกจากการผลิตรถยนต์ในช่วงที่รถยนต์ของโอคามูระกลายเป็นที่นิยมในตลาดในฐานะโมเดลแถวหน้าของยุคนั้น โอคามูระยังคงผลิตทอร์คคอนเวอร์เตอร์ต่อไปสำหรับใช้ในอุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นต้น เทคโนโลยทอร์คคอนเวอร์เตอร์ตัวแรกของญี่ปุ่นนั้นเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของโอคามูระในการสร้างผลิตภัณฑ์ (โมโนซึคุริ)
การติดต่อ: การมองเห็นคือการเชื่อ สร้างโอกาสในการสัมผัสโดยตรงกับเฟอร์นิเจอร์ของโอคามูระ
ในปี พ.ศ. 2513 โอคามูระได้เปิดโชว์รูมที่โตเกียวในเมืองนางาตะ ในเขตชิโยดะ นี่เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์สำนักงานกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป้าหมายของโชว์รูม คือการสร้างพื้นที่ที่จะย่อเอาสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีความเฉพาะมาจัดแสดงให้เห็น ไม่ใช่แค่แสดงผลิตภัณฑ์ของบริษัทแต่ยังเป็นการสื่อสารแนวทางของบริษัทอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2517 บนชั้น 2 ของอาคารโฮเทล นิว โอตานิ (Hotel New Otani) ทั้งชั้นถูกเช่าเป็นโชว์รูม และต่อมาได้เปิดโชว์รูมในเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โอคามูระนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย ทั้งสำหรับสำนักงาน สำหรับครัวเรือน และเฟอร์นิเจอร์นำเข้าด้วยความภาคภูมิใจ โอคามูระปฏิบัติตามความเชื่อที่ว่า "การมองเห็นคือการเชื่อ" โดยการสร้างโอกาสในการสื่อสารถึงความเป็นเลิศด้านการใช้งาน และการออกแบบของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นผ่านกลยุทธ์ในการเพิ่มจุดในการติดต่อกับลูกค้า โอคามูระมีโชว์รูมอยู่ในญี่ปุ่น 6 แห่ง และมีโชว์รูมในต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์เก้าอี้ของโอคามูระ ซึ่งจัดแสดงประวัติของเก้าอี้ในสำนักงาน และเทคโนโลยีจากมุมมองที่หลากหลาย
โอคามูระก่อตั้งขึ้นในเมืองโยโกฮาม่า โดยตั้งชื่อตามเมืองโอคามูระที่เป็นที่ตั้งของบริษัท
เริ่มผลิตโต๊ะ และเก้าอี้ในสวน
เริ่มผลิตทอร์คคอนเวอร์เตอร์สำหรับรถไฟ รถยนต์ และยานยนต์อุตสาหกรรม
ร่วมกันพัฒนาเครื่องบินลำแรกของญี่ปุ่นหลังสงคราม N-52 กับมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น
เริ่มผลิตโต๊ะทำงาน Type-36 ซึ่งเป็นโมเดลโต๊ะทำงานในยุคแรกๆ ของโต๊ะทำงานแบบโมเดิร์นในปัจจุบัน
พัฒนาระบบขับเคลื่อนล้อหน้าอัตโนมัติรุ่นแรกของญี่ปุ่น มิคาสะ (Mikasa)
ผลิตชั้นวางของสำหรับร้านค้าปลีกในฐานทัพสหรัฐฯ ที่ประจำการในประเทศญี่ปุ่น
ก่อตั้งโรงงานโอปปามา
จัดงานโอคามูระแฟร์ครั้งแรก
เริ่มผลิต จัดจำหน่ายโต๊ะ และเก้าอี้ขนาดเล็ก
เริ่มจำหน่ายโต๊ะ และเก้าอี้แบบสี รุ่นแรกของญี่ปุ่น Type-33 และ Type-21
โรงงานฟูจิเสร็จสมบูรณ์
โรงงานทาคาฮาตะ (ยามากาตะ) เสร็จสมบูรณ์
เปิดโชว์รูมที่โรงแรม นิว โอตานิ
ส่งออกเทคโนโลยี Rotary Rack (ชั้นวางแบบหมุน) ไปยังสหรัฐอเมริกา
เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์สำนักงานสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติ D-10
เปิดตัวเก้าอี้ทำจากพลาสติกทั้งตัว Type-28
โรงงานทสึคุบะเสร็จสมบูรณ์
เปิดตัวซีรีส์เอฟ (F-Series) แพ็คเกจแบบรวมการออกแบบทั้งหมดสำหรับโต๊ะ เก้าอี้ ที่เก็บของ และฉากกั้น
โรงงานนาคาอิเสร็จสมบูรณ์
จัดแสดงที่ ORGATEC 2002 งานแสดงเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเป็นครั้งแรก
เปิดโชว์รูมในชิคาโก เข้าร่วมใน NeoCon 2008
เปิดพิพิธภัณฑ์โอคามูระ
ตีพิมพ์ “สถานที่ทำงานที่ทำงานร่วมกันในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Copresence Work New Workplace for Social Networking Age)”
เปิดโอคามูระ ฟิวเจอร์ สตูดิโอ = ห้องปฏิบัติการ KiZUKi